ปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งานของหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ

ชิงเกิ้ลรูฟ หรือ หลังคา Shingle Roof เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนสร้างบ้าน หรือกำลังมีไอเดียรีโนเวทบ้าน โดยเป็นหลังคาที่มีจุดเด่นหลากหลาย ทำให้ได้บ้านที่มีสไตล์ตรงคอนเซปต์ตามความต้องการชัดเจน แต่ก่อนตัดสินใจใช้จริงนั้น ผู้ใช้ควรรู้ทั้งความหมาย ประเภท ข้อดี ข้อเสีย รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่ออายุของหลังคา ให้ใช้งานได้นานเพื่อความคุ้มค่า อีกทั้งเพื่อช่วยตัดสินใจง่ายขึ้นว่าควรใช้หลังคาประเภทนี้หรือไม่

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ หมายถึงหลังคาแบบไหน? 

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ หรือ Shingle Roof หรืออีกชื่อที่คนไทยมักจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ หลังคายางมะตอย (Asphalt Roof Shingle) เป็นหลังคาที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพสูงมาก โดยเหตุผลทำให้ได้ชื่อว่า “หลังคายางมะตอย” เพราะวัสดุที่นำมาใช้ทำหลังคาส่วนใหญ่ทำมาจากยางมะตอยเป็นหลัก ส่วนวัสดุอื่น ๆ อาทิเช่น ไฟเบอร์กลาส หินกรวดฯลฯ เป็นส่วนผสมรอง โดยคุณสมบัติหลักของหลังคาชิงเกิ้ลคือ ราคาจับต้องได้ มีความทนทาน มีตัวฉนวนป้องกันความร้อนจากแดด สีสันสวยงาม น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ไม่มีข้อจำกัดด้านรูปทรงหลังคา สามารถใช้มุงกับหลังคาทุกแบบ และที่สำคัญทำให้บ้านดูมีมิติมากขึ้น เหมาะกับบ้านทุกสไตล์

ประเภทของ “หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ” ในปัจจุบันมีกี่ชนิด

ในส่วนของประเภทหลังคา shingle roof แยกย่อยออกมาได้ถึง 16 ประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน แต่หลัก ๆ จะนิยมใช้งานกันมากที่สุดคือ Asphalt Roof Shingle รุ่นชั้นเดียว และ 2 ชั้น เพราะติดตั้งได้ง่าย ต้นทุนไม่สูงนัก รวมถึงประหยัดเวลา ส่วนข้อมูลของหลังคาทั้ง 2 ประเภทที่กำลังได้รับความนิยมใจปัจจุบัน และกำลังกล่าวถึงนั้น มีข้อมูลน่าสนใจเพื่อเป็นแนวทางเลือกใช้ง่าย ๆ คือ

1. หลังคาแบบชั้นเดียว
   เริ่มกันด้วยหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบชั้นเดียวกันก่อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมสูงรองจากรุ่น 2 ชั้น ทำจากยางมะตอยโดยตรง ด้วยรูปแบบมีลักษณะสี่เหลี่ยมมุมฉาก สามารถดัด งอให้เข้ามุมได้ง่าย ดังนั้นจึงเหมาะกับการเลือกใช้มุงหลังคาได้ทุกแบบ โดยมีข้อดีที่ถูกใจคนรักบ้านและตั้งใจแต่งบ้านให้ออกมาดูดีมากที่สุด แต่ก่อนเลือกใช้ ก็มีข้อดีและข้อเสียที่ต้องรู้ก่อนเช่นกันดังนี้

   ข้อดีของหลังคา shingle roof แบบชั้นเดียว

   • มีราคาประหยัด เหมาะกับการก่อสร้าง รีโนเวท ที่งบไม่สูงมาก
   • มีความยืดหยุ่นสูงมาก จึงดัด งอให้เข้ามุมได้ตามความต้องการง่ายมาก
   • มีประสิทธิภาพในการป้องกันแดดสูง รวมถึงช่วยป้องกันแสง UV ได้อีกด้วย
     ป้องกันเสียงต่าง ๆ ได้ดี
   • ไม่อมความชื้น มีความทนทานต่อสภาพอากาศทุกรูปแบบ
   • มีสีสันให้เลือกหลากหลาย

      

   ข้อเสียของหลังคา shingle roof แบบชั้นเดียว

   • น้ำหนักเบา ถ้าไม่ได้ติดตั้งโดยช่างที่ชำนาญอาจจะหลุดได้ง่ายเมื่อเจอกับลมพัดแรง ทำให้มีน้ำรั่วตามจุดต่าง ๆ ตามมา
   • มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหลังคาค่อนข้างสูง

      

2. หลังคาแบบ 2 ชั้น Architectural Roof Shingles
   สำหรับแบบนี้จะที่เรียกทั่ว ๆ ไปว่า ชิงเกิ้ลแผ่น หรือชิงเกิ้ลนูน หรืออีกชื่อที่คุ้นหูกันดีคือ หลังคาชิงเกิ้ล 2 ชั้น สำหรับชนิดนี้จะทำจากยางมะตอยโดยตรงเช่นกัน แต่จะมีความหนามากกว่าชั้นเดียว โดยมีความนิยมค่อนข้างสูงในประเทศไทย โดยสามารถใช้สำหรับมุงหลังคาทุกอาคารไม่ว่าจะเป็น บ้าน รีสอร์ต สำนักงาน หอประชุม วัด ร้านอาหาร อีกทั้งยังสามารถนำมาตกแต่งเป็นผนังโชว์ หรือแก้จุดบกพร่องของหลังคาชนิดอื่นที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนข้อดีและข้อเสียของหลังคาประเภทนี้มีดังนี้
   
   ข้อดีของหลังคาแบบ 2 ชั้น
   • มีความทนทานมากกว่าแบบชั้นเดียว
   • เก็บเสียงได้ดีกว่าแบบแรก เพราะมีความหนาถึง 2 ชั้น
   • ใช้ได้กับหลังคาทุกแบบ สามารถดัดโค้งงอ หลังคาทรงกลม หลังคาทรงโมเดิร์นที่มีความลาดเอียงต่ำ
   • รอยต่อแผ่นสนิท ทำให้ไม่มีโอกาสรั่วซึมจากน้ำย้อน
   • มีอายุการใช้งานได้นานกว่าแบบชั้นเดียว
    

   ข้อเสียของหลังคาแบบ 2 ชั้น

   • เนื่องจากรอยต่อที่สนิท การหาจุดรั่วซึมจึงทำได้ยาก ต้องให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นผู้แก้ไข
   • วิธีการติดตั้งต่างจากหลังคากระเบื้องทั่วไป ช่าง หรือผู้รับเหมาที่เตรียมงานอาจเตรียมหน้างานให้ผิด ทำให้ช่างมุงหลังคาไม่ได้ เกิดการแก้ไข เสียเวลา และค่าใช้จ่าย
   • ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปเหมือนกระเบื้องหลังคาอื่นๆ หรือหลังคาเมทัลชีท เวลาซ่อมแชมอาจยุ่งยาก และค่าใช้จ่ายสูง

ปัจจัยหลักสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อหลังคา Shingle Roof

ถึงแม้ว่าปัจจุบันหลังคาชิงเกิ้ลรูฟจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้งในอเมริกาและยุโรป รวมถึงในเอเชีย เมืองไทยเองก็กำลังนิยมหลังคาชนิดนี้สูงเช่นกัน แต่การเลือกใช้หลังคาชนิดนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยปละละเลยไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีอายุการใช้งานระยะยาวมากกว่าหลังคาหลายชนิดก็ตาม เพราะยังมีปัจจัยมากมายส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งาน โดยมีเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

1. การเลือกประเภทของวัสดุตัวหลังคา
   ด้วยเพราะหลังคาชิงเกิ้ลรูฟเป็นหลังคาที่มีการผสมผสานกับวัสดุอื่นเข้ามาหลายแบบ ดังนั้นทำให้ความทนทานของตัวหลังคาแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาใช้เป็นองค์ประกอบตั้งต้น ไม่ว่าจะเป็นไม้ หิน รวมถึงยางมะตอย ฯลฯ ดังนั้นวัสดุทั้งหมดจะมีอายุการใช้งานสั้น-ยาวแตกต่างกันออกไปชัดเจน รวมถึงวัสดุแต่ละแบบยังมีผลต่อกำลังทรัพย์ในการเลือกติดตั้งหลังคาโดยตรง

    

2. กระบวนการติดตั้ง
   ส่วนของการติดตั้งหลังคาชนิดนี้จะต้องมาพร้อมกับความชำนาญของทีมช่าง ซึ่งหากการตัดสินใจเลือกจ้างงานช่างที่ไม่ได้คุณภาพ หรือมีประสบการณ์น้อย ไปจนถึงไม่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับหลังคาแต่ละชนิด สิ่งที่ตามมาคืออาจจะได้งานไม่เนี้ยบ รวมถึงมีปัญหาตามมาต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาที่ชัดเจนที่สุดก็คือทำให้อายุการใช้งานหลังคาสั้นลงจากเดิมสูงมาก

    

3. การดูแลรักษา
   ในส่วนของการดูแลรักษาหลังคา Shingle Roof ถือว่าเป็นอีกหมวดปัจจัยหลักสำคัญที่ทำให้อายุไม่ยืนยาว ด้วยการดูแลรักษาแบบผิดวิธี หรือไม่ได้ทำความสะอาดตามระยะเวลาที่เหมาะสม เท่ากับเป็นการทำร้ายหลังคาโดยไม่รู้ตัวทันที รวมถึงการเลือกจ้างทีมงานทำความสะอาดผิดประเภท ช่วยร่นระยะเวลาหลังคาให้มีอายุน้อยลงเช่นกัน

    

4. สภาพอากาศ
   ถึงแม้ว่าหลังคาในกลุ่มของชิงเกิ้ลรูฟได้ชื่อว่ามีความทนทาน ยืดหยุ่น รวมถึงมีคุณสมบัติดี ๆ มากมาย จนตอบโจทย์คนรักบ้าน และทำให้เป็นตัวเลือกสำคัญในการเลือกใช้ได้ง่าย ๆ แต่อายุการใช้งานของหลังคามีความสัมพันธ์กับสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ “ลม” มีผลโดยตรงกับหลังคาสูงมาก รวมทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวนบ่อย ๆ มีผลโดยตรงให้หลังคาเสื่อมคุณภาพได้ไวขึ้นอีกด้วย

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ อีกหนึ่งตัวเลือกดี ๆ ของคนรักบ้าน

สำหรับการเลือกใช้หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ (Shingle Roof) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นหลังคาที่มีความทนทานสูงมาก รวมถึงช่วยลดปัญหาบ้านร้อนได้ดีเช่นกัน แถมยังช่วยเซฟค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไปในตัว เพียงแค่มีการดูแลอย่างถูกต้อง รวมถึงขั้นตอนการติดตั้ง ควรติดตั้งโดยช่างที่มีความรู้ความชำนาญ และเลือกใช้วัสดุให้เหมาะกับสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่เท่านั้น ถือว่าเป็นประเภทของหลังคาที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว