เทียบความต่างหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ ชั้นเดียว VS สองชั้น

ลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ของแผ่นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้นและแบบ 2 ชั้น

ชิงเกิ้ลรูฟ

หากคุณกำลังสนใจอยากติดตั้งหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ (Shingle Roof) แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกติดแบบไหนถึงจะเหมาะกับอาคารของเรา WSE Shingle Roof จะมาเทียบความแตกต่างของหลังคาแบบที่ได้รับความนิยมมาก 2 แบบ คือการติดชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น และการติดชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น ให้ได้เห็นกันว่าแผ่นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันด้านไหนบ้าง เล่าให้เห็นตั้งแต่ลักษณะภายนอก ไปจนถึงคุณสมบัติ รวมถึงข้อมูลสำคัญด้านต่าง ๆ รับรองว่าช่วยให้คุณเห็นภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น กับ 2 ชั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น (Single Layer/3-Tab Shingles) จะมีลักษณะเป็นแผ่นชิงเกิ้ลรูฟเรียบ ๆ เพียงหนึ่งแผ่น โดยมีช่องว่างเล็ก ๆ แบ่งแผ่นชิงเกิ้ลรูฟออกเป็นช่อง ๆ

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น (Double Layer/Architectural Shingles) จะมีแผ่นชิงเกิ้ลรูฟวางซ้อนกัน 2 แผ่น โดยชั้นแรกจะมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบแบบเดียวกับชิงเกิ้ลรูฟ 1 ชั้น ส่วนแผ่นชั้นที่ 2 จะมีลักษณะที่แบ่งออกเป็นแผ่นและช่องสับหว่าง โดยส่วนที่เป็นแผ่นนั้นจะปิดทับช่องว่างเล็ก ๆ ของแผ่นชิงเกิ้ลรูฟชั้นล่างเอาไว้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับแผ่นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟมากขึ้น

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น จะมีแนวตะปูตีเป็นเส้นสีขาวอยู่บนชิงเกิ้ลรูฟแผ่นที่ 2 เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้ช่างสามารถตอกตะปูหรือติดแม็คสแตนเลสลงไปตามแนวเส้นสีขาวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้แผ่นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟปลิวไปตามแรงลม

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น จะมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น เพราะแผ่นชิงเกิ้ลรูฟชั้นที่ 2 จะเพิ่มความต้านทานแรงลมและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกันกระแทกของแผ่นชิงเกิ้ลรูฟให้มากขึ้น

  • การติดหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า โดยหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น มีอายุการใช้งาน 10-15 ปี ส่วนการติดหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น จะมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 50 ปี หากมีการบำรุงรักษาที่ถูกต้อง และขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละท้องที่

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น เมื่อติดบนหลังคาแล้ว จะมีความสวยงาม เพราะแผ่นชิงเกิ้ลรูฟ 2 ชั้น ทำให้แผ่นหลังคาดูมีมิติสูงต่ำไม่ต่างจากการติดแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาแบบลอน ด้วยการเล่นระดับระหว่างชิงเกิ้ลรูฟแผ่นล่างและชิงเกิ้ลรูฟแผ่นบน ส่วนหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น แผ่นหลังคาจะมีลักษณะแบนราบไปกับแผ่นรองพื้นหลังคา ดูคล้ายการติดกระเบื้องมุงหลังคาแบบเรียบ

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ แบบ 2 ชั้น ช่วยดูดซับเสียงจากการตกกระทบของฝนได้ดีกว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น เพราะมีเนื้อยางมะตอยซ้อนกันถึง 2 ชั้น จึงช่วยลดเสียงดังรบกวนเวลาฝนตกกระทบหลังคา

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้นมีความต้านทานแรงลมได้ดีกว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น โดยสามารถต้านทานแรงลมได้ถึง 110 ไมล์ต่อชั่วโมง

  • หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้นมีราคาย่อมเยากว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น เพราะใช้วัสดุในการผลิตน้อยกว่าและมีความทนทานน้อยกว่า ดังนั้นหากมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ สามารถเลือกใช้หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้นได้

  • ด้วยความแบนราบของพื้นผิวหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น ทำให้สามารถระบายน้ำบนหลังคาได้ดีกว่าหลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น เพราะไม่มีจุดให้น้ำขังอยู่บนแผ่นหลังคา

 

การติดหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ

การติดหลังคาชิงเกิ้ลรูฟตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ควรติดตั้งโดยช่างที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ เพื่อรับประกันผลลัพธ์ว่างานหลังคาที่ติดตั้งจะออกมาเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสที่จะต้องแก้ไขหรือปรับปรุงหลังคาหลังจบงานนั่นเอง

  • เริ่มจากการติดแผ่นไม้อัด OSB ที่มีความหนา 10 มิลลิเมตรลงไปบนโครงสร้างเหล็กของหลังคาบ เพื่อทำเป็นฐานสำหรับติดตั้งหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ โดยต้องติดแผ่นไม้อัดให้มีระยะห่างกันเล็กน้อยประมาณ 5 มิลลิเมตร เพื่อเผื่อพื้นที่ให้แผ่นไม้อัดขยายตัวจากความชื้น และควรติดแผ่นไม้อัดให้พอดีกับเชิงชายของโครงสร้างหลังคา

  • ติดแผ่นกันน้ำหรือแผ่นกระดาษกันน้ำลงบนแผ่นไม้อัดให้ทั่ว โดยใช้แม็คสแตนเลสเบอร์ #1010 แล้วติดตั้งฉากกันน้ำที่ฝั่งเชิงชาย ตามด้วยการติดสตาร์ทเตอร์ทับฉากกั้นน้ำทุกด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้หลังคาชิงเกิ้ลรูฟมีน้ำรั่วซึม

  • ติดแผ่นชิงเกิ้ลรูฟลงไปบนแผ่นกันน้ำ โดยใช้แม็กสแตนเลสเบอร์ #1013 หรือตะปูหัวแบนติดแผ่นชิงเกิ้ลรูฟให้เลยจากส่วนบนที่เป็นแนวยิงแม็คของแผ่นชิงเกิ้ลรูฟที่อยู่ด้านล่าง 2 เซนติเมตร แล้วติดชิงเกิ้ลรูฟเรียงกันเป็นขั้นบันไดจากด้านล่างขึ้นไปสู่ด้านบนของโครงสร้างหลังคา ซึ่งหากเป็นการติดตั้งแผ่นชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น จะมีแนวตะปูมาให้ ทำให้ติดแม็คสแตนเลสได้ง่ายขึ้น แต่จะต้องมีการตัดแผ่นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟชิ้นแรกของแต่ละแถวให้มีขนาดพอดีตามการออกแบบแนวแผ่นปูหลังคา

  • ติดตั้งแผ่นชิงเกิ้ลรูฟครอบสันให้ครบทุกด้าน ทั้งด้านบนและด้านข้าง การติดตั้งหลังคาชิงเกิ้ลรูฟก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

 

การเลือกใช้หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ ทั้งแบบ 1 ชั้น (Single Layer) และแบบ 2 ชั้น (Double Layer) ขึ้นอยู่กับความชอบและงบประมาณเป็นหลัก รวมถึงการให้ความสำคัญกับความทนทานของหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ ดังนั้นหากคุณต้องการหลังคาชิงเกิ้ลรูฟที่มีความทนทานแข็งแรงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก ๆ ก็ควรเลือกใช้หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้น แต่หากคุณมีงบประมาณและเวลาในการติดตั้งที่จำกัด ก็ควรเลือกใช้หลังคาชิงเกิ้ลรูฟแบบ 1 ชั้น เพราะมีราคาที่ย่อมเยากว่าชิงเกิ้ลรูฟแบบ 2 ชั้นและติดตั้งได้เร็วกว่า

และหากคุณกำลังสนใจติดตั้ง หลังคา Shingle Roof ทั้งแบบ 1 ชั้นและแบบ 2 ชั้น ที่ผลิตจากคุณภาพดีมีความแข็งแรงทนทาน และมีแผ่นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟสีสันสวยงามให้เลือกใช้หลากหลายสี ลองเลือกใช้บริการของ WSE Shingle Roof ผู้นำเข้าและจำหน่าย หลังคาชิงเกิ้ลรูฟและวัสดุมุงหลังคาจากประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป พร้อมบริการติดตั้งที่ให้การรับประกันยาวนาน 5-10 ปี และรับประกันวัสดุมุงหลังคายาวนานถึง 30 ปี

สนใจติดตั้ง หลังคาไม้ซีดาร์ หรือขอรับคำแนะนำเรื่องการมุงหลังคาได้ที่  
Mobile  : 086-566-0979
Line ID :
@wse5563

E-Mail  : tarnthongl@gmail.com

 

About WSE Shingles Roof

ออกแบบ แนะนำ ให้คำปรึกษาเรื่องงานหลังคา shingle roof รับติดตั้งหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ หลังคาจากเทียม หลังคาหญ้าแฝกเทียม จำหน่ายหญ้าเทียมมุงหลังคา แฝกเทียมมุงหลังคา พร้อมบริการหลังการขายงานหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ หลังคาไม้ซีดาร์และหลังคาหญ้าแฝกเทียม โดยทีมช่างที่มีความชำนาญมากกว่า 15 ปี และมีประสบการณ์ในการทำงานบนพื้นที่สูง

บริการของเรา

บริการออกแบบ
จำหน่ายวัสดุหลังคา
ติดตั้งหลังคาไม้ซีดาร์
ติดตั้งหลังคา shingle roof
ติดตั้งแผ่นหลังคายางมะตอย
ติดตั้งหลังคาหญ้าแฝกเทียม

ติดต่อเรา

คุณธนพล :  086-566-0979 
Line ID : @wse5563
E-Mail : tarnthongl@gmail.com